เมนู

กถาว่าด้วยการสร้างธรรมาโบกขรณี



อานนท์ ต่อมา พระเจ้ามหาสุทัสสนะทรงพระดำริอย่างนี้ว่า ไฉนหนอ
เราจะพึงให้สร้างสระชื่อธรรมาโบกขรณี ข้างหน้าธรรมปราสาท. อานนท์
แล้วก็พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ทรงให้สร้างสระชื่อธรรมาโบกขรณีไว้ข้างหน้า
ธรรมปราสาท. อานนท์ ธรรมาโบกขรณี ยาวไปทางทิศตะวันออก และ
ตะวันตกหนึ่งโยชน์ กว้างไปทางทิศเหนือ และทิศใต้กึ่งโยชน์. อานนท์
ธรรมาโบกขรณีใช้อิฐสี่ชนิดก่อ คือ อิฐชนิดหนึ่งแล้วไปด้วยทอง ชนิดหนึ่ง
แล้วไปด้วยเงิน ชนิดหนึ่งแล้วไปด้วยไพฑูรย์ ชนิดหนึ่งแล้วไปด้วยผลึก.
อานนท์ ก็แล ธรรมาโบกขรณี มี 24 บันได แบ่งเป็น 4 ชนิด บันไดชนิด
หนึ่งแล้วไปด้วยทอง. บันไดชนิดหนึ่งแล้วไปด้วยเงิน. บันไดชนิดหนึ่งแล้ว
ไปด้วยไพฑูรย์. บันไดชนิดหนึ่งแล้วไปด้วยผลึก. บันไดทองเอาทองมาทำ
เป็นแม่บันได ลูกและพนักบันไดเป็นเงิน. บันไดเงิน เอาเงินมาทำเป็นแม่
บันได ลูกและพนักบันไดเป็นทอง. บันไดไพฑูรย์ เอาไพฑูรย์มาทำเป็นแม่
บันได ลูกและพนักบันไดเป็นผลึก. บันไดผลึก เอาผลึกมาทำเป็นแม่บันได
ลูกและพนักบันไดเป็นไพฑูรย์. อานนท์ ธรรมาโบกขรณีมีไพที่ล้อมสองชั้น
คือ ไพทีทองหนึ่ง ไพทีเงินหนึ่ง. ไพทีทองเอาทองมาทำเป็นแม่บันได ลูก
และพนักบันไดเป็นเงิน. ไพทีเงินเอาเงินมาทำเป็นแม่บันได ลูกและพนัก
เป็นทอง. อานนท์ ธรรมาโบกขรณี มีแถวตาลล้อมไว้ 7 แถว คือ แถวตาล
ทอง 1 แถวตาลเงิน 1 แถวตาลไพฑูรย์ 1 แถวตาลผลึก 1 แถวตาลทับทิม 1
แถวตาลบุษราคัม 1 แถวตาลผสมแก้วทุกชนิด 1. ตาลทองมีลำต้นเป็นทอง
ใบและผลเป็นเงิน. ตาลเงินมีลำต้นเป็นเงินใบและผลเป็นทอง. ตาลไพฑูรย์
มีลำต้นเป็นไพฑูรย์ใบและผลเป็นผลึก. ตาลผลึกมีลำต้นเป็นผลึกใบและผล
เป็นไพฑูรย์. ตาลทับทิมมีลำต้นเป็นโกเมนใบและผลเป็นบุษราคัม. ตาล

บุษราคัมมีลำต้นเป็นบุษราคัมใบและผลเป็นโกเมน. ทับทิมตาลผสมแก้วทุก
ชนิด เอาแก้วทุกชนิดมาทำเป็นลำต้นใบและผลก็ผสมแก้วทุกชนิด. อานนท์
ก็แล เมื่อแถวตาลเหล่านั้นถูกลมพัดก็มีเสียงไพเราะ น่าใคร่ ทำให้ใจคึกคัก
และชักให้หลงใหล. เหมือนกับเสียงดนตรีมีองค์ 5 ที่นักดนตรีผู้ชำนาญปรับ
ดีแล้ว ประโคมแล้ว บรรเลงดีแล้ว เป็นเสียงที่ไพเราะ น่าใคร่ ทำให้ใจคึกคัก
และชักให้หลงใหลแม้ฉันใด ดูก่อนอานนท์ เสียงแห่งแถวต้นตาลเหล่านั้น
ต้องลมพัดก็ฉันนั้นเหมือนกัน. ส่วนพวกนักเลง นักเล่น นักดื่ม แห่งกรุง
กุสาวดีสมัยนั้น ต่างก็พากันคลอเสียงตามเสียงแถวตาลที่ถูกลมพัด. อานนท์
ก็แหละ ครั้นเมื่อเสร็จธรรมปราสาท และธรรมาโบกขรณีแล้ว พระเจ้ามหา-
สุทัสสนะ ก็โปรดให้เลี้ยงดูพวกสมณะที่รู้กันทั่วไปว่าเป็นสมณะ หรือพวก
พราหมณ์ที่ยอมรับกันว่าเป็นพราหมณ์ในสมัยนั้นให้อิ่มหนำสำราญด้วยของน่า
ใคร่ทุกชนิด เสด็จขึ้นสู่ธรรมปราสาท ด้วยประการฉะนี้.
จบ ภาณวารที่หนึ่ง

การเข้าปฐมฌานเป็นต้น



[179] อานนท์ ลำดับนั้น พระเจ้ามหาสุทัสสนะได้ทรงพระดำริ
อย่างนี้ว่า นี้เป็นผลของกรรมอะไรของเราหนอ เป็นวิบากของกรรมอะไรที่
เป็นเหตุให้เรามีฤทธิ์อย่างนี้ มีอานุภาพใหญ่อย่างนี้ ในบัดนี้. อานนท์ ครั้งนั้น
แล พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ได้ทรงมีพระดำริอย่างนี้ว่า นี้เป็นผลของกรรม
สามอย่างของเรา เป็นวิบากของกรรมสามอย่างที่เป็นเหตุให้เรามีฤทธิ์ใหญ่
อย่างนี้ มีอานุภาพใหญ่อย่างนี้ในบัดนี้ คือเป็นผลเป็นวิบากแห่งทาน ทมะ
สัญญมะ อานนท์ ที่นั้น พระเจ้ามหาสุทัสสนะ เสด็จเข้าเรือนยอดหลังใหญ่
แล้วประทับยืนที่ประตูเรือนยอดหลังใหญ่ ทรงเปล่งพระอุทานว่า หยุดกาม